เทคนิคการสร้างความผูกพันของพนักงาน ที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน

เทคนิคการสร้างความผูกพันของพนักงาน ที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน

พนักงานถือว่าเป็นทรัพยากรอันดับหนึ่งขององค์กรที่เป็นหลักประกันในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ ซึ่งลักษณะของพนักงานมี 2 แบบ คือ แบบที่หนึ่ง พนักงานที่มีความปรารถนาที่จะทำงานให้กับองค์กรด้วยการทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์และไม่คิดจะลาออกไปไหน แต่ไม่คิดจะพัฒนาองค์กรให้มีความก้าวหน้าต่อไป ซึ่งแตกต่างกับแบบที่สอง พนักงานที่มีความผูกพัน จนมีความทุ่มเท มุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จโดยไม่คำนึงถึงความลำบากของตัวเอง เราจึงมีผลสำรวจ ตัวอย่างพร้อมเทคนิคการสร้างความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรแบบซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ดังต่อไปนี้

ผลสำรวจความผูกพันที่พนักงานมีต่อองค์กร

การสำรวจ 140 ประเทศ จากพนักงาน 150,000 คน มีพนักงานเพียง 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่มีความผูกพันต่อองค์กร และพนักงาน 63 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่มีความผูกพันต่อองค์กร ส่วนพนักงานที่เหลืออีก 24 เปอร์เซ็นต์ เป็นพนักงานที่ชอบเผยแพร่ความคิดในแง่ลบเพราะไม่มีความรักต่อองค์กรเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีความสุขในการทำงาน

ตัวอย่าง องค์กรที่พนักงานมีความผูกพันแบบซื้อไม่ได้ด้วยเงิน

บริษัท องค์กร ห้างร้าน ราชการหรืออื่น ๆ ล้วนต้องการพนักงานที่มีความจงรักภักดี ทุ่มเทอุทิศตน เพื่อที่จะได้มีความเติบโตและขยายกิจการ เช่น การเติบโตของกูเกิ้ลซึ่งเป็นบริษัทที่มีการขยายกิจการอย่างกว้างขวาง จนมูลค่าหุ้นของบริษัทประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเท่ากับ GDP ของประเทศไทย เนื่องจากเป็นบริษัทที่ไม่ใช่เฉพาะหาข้อมูลอย่างเดียว แต่ยังมีแผนที่ดูโลกทั้งใบ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหรือสถานที่ตรงไหนก็ตาม และยังสามารถนำรถติดกล้องแล้ววิ่งถ่ายภาพเก็บไปทั่ว สามารถดูวิวของพื้นที่ในเมืองแต่ละแห่ง นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดกูเกิ้ลเป็นล้านเล่มทั่วโลก จุดประสงค์ให้ผู้คนค้นดูได้ในห้องสมุดออนไลน์ รวมถึงยังจะให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรูปแบบ Wi-Fi ในราคาถูกให้กับผู้คน 3,000 ล้านคนในโลก ไม่ว่าจะอยู่ชนบทก็ตาม เนื่องจากได้ข่าวว่ากูเกิ้ลซื้อดาวเทียม 180 ดวง ไปกุมพื้นที่โลกเป็นจำนวนเงิน 90,000 กว่าล้านบาท

การที่ Google ประสบความสำเร็จเริ่มจาก Search Engine ค้นอะไรก็เจอไปหมด บอล เกม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิธีทำอาหาร จนต่อมาประสบความสำเร็จกับ playstore ในมือถือแอนดรอย การให้บริการของกูเกิ้ลทำให้ผู้ใช้คาดไม่ถึงว่าจะให้ได้ขนาดนี้ เหตุผลก็เพราะว่ากูเกิ้ลสามารถทำให้พนักงาน มีความรักและมีไฟในการทำงาน ด้วยการให้ความสะดวกได้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหารที่เลี้ยงฟรี นอนที่เก้าอี้นอนโดยมีที่คลุมศีรษะเพื่อไม่ให้มีการรบกวนของแสงและเสียงของคนอื่น อาบน้ำในเวลาไหนก็ได้ นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำ ลานโบวิ่ง สนามเปตอง โรงยิม สิ่งเหล่านี้เป็นการเอาใจพนักงานให้มีความรู้สึกเหมือนบ้านแบบไม่ต้องไปไหนเลย รวมถึงให้พนักงานทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน เพื่อที่จะให้เวลาพิเศษ 1 วัน ว่าอยากทำอะไร

ด้วยการรวมกลุ่มกันสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ หากมีแนวความคิดที่ดีและประสบความสำเร็จ จากพนักงานธรรมดาก็มีสิทธิ์กลายเป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นได้ เมื่อบริษัทให้พนักงานอย่างยุติธรรมทำให้มีบัณฑิตที่จบใหม่แห่มาสมัครประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ แม้กระทั่งบริษัท ไมโครซอฟท์ ยังไม่เทียบเท่าเลย จึงต้องรอบริษัทกูเกิ้ลรับไปก่อน หากคนสมัครเหลือ บริษัทอื่นค่อยมารับส่วนที่เหลือ

เทคนิคการสร้างความผูกพันของพนักงาน

คัดเลือกพนักงานให้เหมาะสมกับองค์กรในการสร้างทีมทำงานด้วยกัน โดยเฉพาะผู้บริหารหรือผู้จัดการ เพราะจากการวิจัยได้กล่าวว่า ผู้บริหาร 1 คนที่ไม่ทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่จะส่งผลให้พนักงานอีก 3 คนไม่ทุ่มเทในการทำงานเช่นเดียวกัน

เปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้จุดแข็งในการทำงาน เนื่องจากเมื่อได้ให้พนักงานทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ก็จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกมาได้ นอกจากนี้เปิดโอกาสให้พนักงานมีอิสระทางความคิดและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ก็จะทำให้รู้สึกว่ามีส่วนร่วมจนอยากพัฒนาให้บริษัทให้มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ เช่น การทำเป้าหมาย วัตถุประสงค์ขององค์กรหรือต้องการปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นการสื่อสาร 2 ทาง จึงเป็นเหตุผลทำให้พนักงานเกิดภาคภูมิใจในตัวเอง ทำงานอย่างมีความสุขและรักองค์กรมากขึ้น

สนับสนุนและชี้แนวทางความก้าวหน้าให้กับพนักงานด้วยการดูแลผลงานของพนักงานแต่ละคนว่าสามารถเติมเต็มให้สมบูรณ์มากน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในระดับไหนก็ตาม เพราะทุกคนก็ล้วนต้องการความสำเร็จในสายงานของตัวเอง

การสร้างบรรยากาศให้มีความผ่อนคลาย ไม่เคร่งเครียด อาจจะมีนโยบายการเสริมสร้างสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย อยู่ดีกินดี รวมไปถึงความปลอดภัยต่อการปฏิบัติงาน จะได้มีความคิดสร้างสรรค์ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การสำรวจทั้งโลกจากจำนวนล้านคน ได้ข้อสรุปพบว่า เงื่อนไขสำคัญ คือ การสร้างหัวใจที่มีไฟพร้อมทุ่มเทการทำงาน ส่วนเรื่องเงินยังถือว่าเป็นเงื่อนไขรอง เพราะฉะนั้น จะดีไม่น้อยเลยหากองค์กรต่าง ๆ จะได้นำเทคนิคการสร้างความผูกพันของพนักงานที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงินจากที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นไปปรับใช้ เพื่อความสำเร็จขององค์กร

How to วิธีจัดการกับนิสัยอันตราย ป้องกันความล้มเหลวในชีวิต

How to วิธีจัดการกับนิสัยอันตราย ป้องกันความล้มเหลวในชีวิต

นิสัยดีจะนำพาความสุขและความสำเร็จในชีวิต ในทางตรงข้ามหากมีนิสัยไม่ดีหรือที่เรียกว่า นิสัยอันตราย สะสมมาก ๆ ก็จะนำพาไปสู่ความล้มเหลว ไม่ก้าวหน้าหรือไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเพราะเปรียบเสมือนการสะสมสารพิษในร่างกาย เมื่อมีปริมาณมากพอก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ คนเราจึงควรสำรวจตัวเองว่ามีนิสัยอันตรายหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมี How to วิธีจัดการกับนิสัยอันตรายเพื่อป้องกันความล้มเหลวในชีวิต ดังต่อไปนี้

วิธีจัดการกับนิสัยอันตราย

รู้จักคุณค่าของเวลามากขึ้น

นักธุรกิจท่านหนึ่ง ชื่อ Mr.Richard Branson ได้กล่าวไว้ว่า นักลงทุนทางการเงินที่ประสบความสำเร็จ จะทราบว่าเวลามีคุณค่ามากกว่าเงินเสียอีก หากใครที่มีนิสัยอันตรายที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาที่มีอยู่เพื่อสร้างสรรค์อะไรให้กับตัวเอง คนในครอบครัวและสิ่งแวดล้อมรอบตัว จึงควรเปลี่ยนนิสัยเสียใหม่ด้วยการเริ่มต้นคิดว่าเวลามีประโยชน์ในการพัฒนาตัวเอง สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ อย่างมากมายจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

การขจัดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง

การทำงานไปเรื่อย ๆ ด้วยการคิดว่า ยังไม่อยากทำงานตอนนี้ พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้ เมื่อมาถึงวันที่กำหนดส่งงานก็รีบทำ ทำให้งานคั่งค้างกลายเป็นดินพอกหางหมูหรืองานที่ได้ส่งไปไม่มีประสิทธิภาพ จึงควรกำจัดนิสัยอันตรายในลักษณะนี้ คือ ให้คิดถึงความตายบ่อย ๆ ชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างจำกัด พร้อมคิดว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาได้ทำสิ่งดี ๆ ในแต่ละวัน ถึงแม้ว่าการคิดถึงความตายเหมือนจะเป็นความคิดที่แรงแต่ก็ทำให้มีกำลังใจในการทำงานให้เสร็จและมีคุณภาพตามที่ได้ตั้งไว้

ขจัดนิสัยไม่รู้ร้อน

คนที่มีนิสัยไม่สนใจสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือสังคมจะเปลี่ยนไปแล้วขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่รู้สึกว่าจะเดือดร้อนอะไร ทำให้ใช้ชีวิตแบบเดิมหรือทำงานแบบเดิม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนิสัยอันตรายเพราะหากไม่เปลี่ยนแปลงถือว่าเป็นการถอยหลังเข้าคลองหรือมีชีวิตอยู่กับที่ และถ้าได้สังเกตคนรอบตัว ก็จะพบว่าเขาพัฒนากันไปหมดแล้ว วิธีแก้ไขนิสัยอันตรายในลักษณะนี้ คือ ให้มีการปรับปรุงด้วยการรับรู้ความเป็นไปของสังคม และเข้าหาสังคมสมัยใหม่เพื่อให้ชีวิตได้พัฒนาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขจัดนิสัยความกลัว

หากมีนิสัยมีความกลัวทุกครั้งเวลาที่จะทำอะไร ก็จะเป็นการปิดกั้นโอกาสความสำเร็จได้ เช่น มีความคิดว่า ตัวเองไม่มีความรู้และความสามารถในการลงทุนเพราะกลัวประสบความล้มเหลวจึงไม่ได้ลองทำธุรกิจสักที เพราะฉะนั้น ให้ชนะนิสัยความกลัวด้วยการยอมรับว่ากลัวอะไร แล้วก้าวข้ามด้วยการลงมือทำทั้ง ๆ ที่กลัว เปรียบเสมือนเด็กตัวเล็กที่เพิ่งหัดเดิน ช่วงแรก ๆ ก็จะหกล้มบ่อยแต่ก็ไม่ยอมแพ้และเอาชนะความกลัวด้วยการหัดเดินเรื่อย ๆ ในที่สุดก็เดินได้

นิสัยอันตรายดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีนิสัยอันตรายอีกหลายอย่างที่นำพาความล้มเหลว เช่น ชอบแก้ตัวเป็นประจำด้วยการหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างซึ่งบ่งบอกว่าไม่พร้อมพัฒนาตัวเอง นิสัยอวดดีอวดเก่งทั้งที่ไม่เก่งอย่างที่พูดไว้ การทำตัวเหนือกว่าคนอื่น นิสัยโลเลทำให้ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน ใครพูดอะไรมาก็ไปตามกระแสหรือแคร์ไปหมด ทั้งที่ตัวเองทำถูกแล้ว นิสัยอิจฉาริษยาหรือรู้สึกทนไม่ได้เมื่อเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเอง เป็นต้น ดังนั้น ควรรู้เท่าทันนิสัยอันตรายของตัวเองเพื่อจะได้เลิกนิสัยนั้น คงเหลือแต่นิสัยที่นำไปสู่การมีชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง

วิธีจัดการกับนิสัยอันตราย

สิ่งที่ต้องสนใจก่อนเขียนบทความ SEO

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและมีประสบการณ์ในการขายของออนไลน์ยุคปัจจุบัน แนะนำว่าผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการขายของบนโลกอินเทอร์เน็ตปี 2020 จะต้องทำเว็บไซต์ SEO ให้น่าสนใจ ซึ่งการผลิตบทความ SEO ที่ดีถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ เพราะแสดงถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งจะทำให้คนจดจำและอยากสนับสนุนด้วยการซื้อสินค้าของคุณ

การจะผลิตบทความ SEO ที่มีคุณภาพในยุค 2020 มีหลักการอย่างไรบ้าง เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

หลักการผลิตบทความ SEO

การใช้ Google Search Console การใช้ Google Search Console จะเป็นตัวช่วยที่ดี ในการทำให้คุณรู้ว่า keyword ที่คนส่วนใหญ่ค้นหาในปัจจุบันมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะประเภทธุรกิจที่ตรงกับที่คุณทำอยู่ เช่น กิจการขายอาหาร ร้านขายดอกไม้ออนไลน์ ร้านอุปกรณ์ไอที ธุรกิจประกันภัยและสุขภาพ โรงแรม สปาและฟิตเนส เป็นต้น

คุณควรเลือกคำที่มีตัวเลขสถิติการคลิกเข้าไปอ่านมากที่สุดมาเป็นคำสำคัญในการสร้างบทความ โดยใส่ซ้ำ 2-3 ครั้งให้กระจายทั่วไป หากคุณต้องการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการสืบค้นของผู้คนให้มากที่สุด ก็ต้องเรียนรู้การใช้ Google Search Console ให้เป็นประโยชน์ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ความทันสมัยและความน่าเชื่อถือของข้อมูล ข้อมูลที่จะนำมาใช้ในบทความ SEO ต้องหาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ เพราะจะทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้จะต้องใส่ใจกับการอ้างอิงข้อมูลอย่างเหมาะสม และควรแนบลิงก์เชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์คุณกับเว็บไซต์ที่มีข้อมูลต้นฉบับด้วย จะทำให้อันดับ SEO ยิ่งดีขึ้นมาก

บทความที่ควรสนใจกับเอกสารด้านวิชาการหรือผลงานวิจัยต่าง ๆ ได้แก่ สินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ วิตามิน อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก และสินค้าเฉพาะด้าน เช่น วิศวกรรม ทันตกรรม ศัลยกรรม ฯลฯ เพราะคนรุ่นใหม่จะใส่ใจกับความถูกต้องและความทันสมัยของข้อมูลอย่างมาก

การเลือกรูปภาพประกอบ รูปภาพเป็นตัวดึงดูดความสนใจที่ดี สามารถใช้ภาพได้สองแบบ คือ ภาพดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือ ภาพที่ทำขึ้นเอง ในปัจจุบันมีเว็บไซต์ให้ภาพฟรีมากมายเช่น shutterstock.com หรือ freepik.com คุณสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่มีปัญหาลิขสิทธิ์ รอดจากการถูกระบบ algorithm ของ Google ตรวจจับแน่นอน เพราะหากคุณใช้ภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จะส่งผลให้อันดับ SEO ตกลง

แต่ถ้าคุณสามารถถ่ายภาพหรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการวาดตัดต่อด้วยตัวเองได้ก็จะยิ่งดี เพราะจัดเป็นภาพที่มั่นใจได้ว่าไม่เคยมีการทำที่ไหนมาก่อน และจะทำให้ผู้คนจดจำเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน ที่กล่าวมาสำคัญต่อคุณภาพของบทความ SEO อย่างมาก หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านมองเห็นภาพรวมของการทำบทความที่มีคุณภาพเพื่อใช้ในเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น

หลักการผลิตบทความ SEO

เคล็ดลับสุดเด็ดที่ ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น

อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ ซึ่งหากนอนไม่เพียงพอก็ส่งผลต่อสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ แต่ปัจจุบันปัญหาการนอนไม่หลับหรือหลับยากก็พบได้มากขึ้น โดยมีหลายวิธีที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอน วันนี้เราขอนำเสนอ 5 เคล็ดลับ ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

5 เทคนิคช่วยให้หลับง่ายขึ้น

– หยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ก่อนนอน ในปัจจุบันอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์เป็นสิ่งที่คนใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนซึ่งเปรียบเสมือนอวัยวะอีกชิ้นส่วนของร่างกายไปแล้ว เพราะถ้าไม่ได้มีติดตัวอาจจะทำให้จิตใจวุ่นวายจนไม่สามารถทำงานอย่างอื่นได้เลย โดยหลาย ๆ คนก็มักจะเปิดโทรศัพท์เช็คข่าวสาร บางคนที่ติดฟุตบอลก็อาจจะเช็คผลการแข่งขันจาก โปรแกรมบอลเมื่อคืน ก่อนนอน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นอนไม่หลับเนื่องจาก แสงจากจออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะไปยับยั้งสารที่ช่วยทำให้นอนหลับอย่างเมลาโทนิน ดังนั้นควรเลิกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ก่อนเวลานอนประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างน้อยด้วย ซึ่งควรตั้งเวลาก่อนนอนให้ชัดเจนเพื่อที่จะกำหนดเวลาได้มากขึ้น

– ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ น้ำมันหอมระเหยมีคุณสมบัติที่จะช่วยให้สมองและร่างกายเกิดความผ่อนคลายรวมถึงสร้างความสดชื่นด้วย โดยน้ำมันแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติต่างกัน ซึ่งจะใช้ในสถานการณ์ต่างกันด้วย เมื่อเราต้องการนอนพักผ่อน จึงควรเลือกกลิ่นที่มีคุณสมบัติที่จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย เช่น น้ำมันดอกกระดังงา ลาเวนเดอร์ มะลิ คาโมมายล์ เป็นต้น

– หยุดคิดเรื่องงาน การทำงานบางครั้งก็ก่อให้เกิดความเครียดจนเลยมาถึงนอกเวลางาน ซึ่งหากเราไม่ปล่อยวางก็จะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้ ดังนั้นหากเราอยากนอนหลับได้แบบง่าย ๆ ก็ต้องหยุดคิดเรื่องงานหรือเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดนั้น ซึ่งการนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ก็จะช่วยให้เรามีแนวคิดดี ๆ ที่อาจจะแก้ปัญหาได้ดีกว่าเดิมด้วย

– ฝึกสมาธิ การฝึกสมาธิเป็นอีกทางที่จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้ ดังนั้น เมื่อเราทำงานมาอย่างหนักหน่วงในแต่ละวัน และปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนแล้วก็ควรให้จิตใจได้พักด้วย โดยการหามุมสงบนั่งสมาธิวันละ 5-10 นาที ก็จะช่วยให้จิตใจสงบขึ้นและนอนหลับได้ดีขึ้นด้วย

– ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายสร้างผลดีต่อร่างกายทุกส่วน รวมถึงสมองและจิตใจ โดยขณะที่ออกกำลังกายจะมีสารเอนโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมา ที่จะทำให้เกิดผลดีต่อร่างกายส่วนอื่น ๆ ด้วย เพราะทุกส่วนในร่างกายล้วนเชื่อมโยงกัน เมื่อจิตใจเกิดความผ่อนคลายก็จะทำให้นอนหลับได้สบายมากขึ้น

เคล็ดลับข้างต้นนี้ เป็นวิธีแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น ใครสนใจวิธีไหนลองนำไปปรับใช้กันดู

5 เทคนิคช่วยให้หลับง่ายขึ้น

อยากเปิดร้านกาแฟจะต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง

อยากเปิดร้านกาแฟจะต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง

ธุรกิจร้านกาแฟถือว่าเป็นอาชีพที่คนสนใจมากขึ้น เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่นิยมดื่มกาแฟมากถึงวันละ 1-3 แก้ว โดยเฉพาะคนในวัยทำงานและนักศึกษา จึงเป็นสิ่งแสดงถึงความต้องการของผู้บริโภค หรือ demand ทางการตลาด จึงมีโอกาสขายสินค้าได้สูง แต่ก่อนจะเปิดร้านกาแฟได้อย่างประสบความสำเร็จ เจ้าของธุรกิจจะต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง มาดูกันเลย

เปิดร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จ

– มีพื้นที่ทำเลที่ดี ร้านกาแฟที่ดีจะต้องอยู่ติดถนนใหญ่ มีพื้นที่ให้จอดรถได้กว้างขวางอย่างน้อย 3-5 คัน เพื่อให้ลูกค้าสะดวกใช้บริการ ทั้งการนั่งดื่มที่ร้านและการแวะซื้อก่อนไปทำงาน ลองสังเกตดูจะพบว่าร้านกาแฟชื่อดังส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใกล้กับศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าหรืออยู่ในพื้นที่ปั๊มน้ำมัน เพราะทำให้ลูกค้าสะดวกใช้บริการมากที่สุด หากทำเลดีก็เท่ากับมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจร้านกาแฟได้เกินครึ่งทางแล้ว

– รู้จักแหล่งวัตถุดิบทำกาแฟที่ดี ในการทำเครื่องดื่มกลุ่มชากาแฟ และโกโก้ สิ่งที่มองข้ามไม่ได้ คือ การเลือกแหล่งวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพสูง รวมถึงส่วนประกอบอื่น ๆ ในเครื่องดื่ม เช่น น้ำตาล ครีมเทียม นมสด นมข้น น้ำผึ้ง สารแต่งรสและกลิ่น ฯลฯ เจ้าของกิจการร้านกาแฟจะต้องเรียนรู้วิธีคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม เพื่อนำมาบริการผู้บริโภค และหากเลือกจากแหล่งเพาะปลูกแบบออร์แกนิก หรือไม่มีการใช้สารเคมียาฆ่าแมลงด้วย ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค และสามารถสร้างเอกลักษณ์ให้กับร้านได้ด้วย

– มีประสบการณ์ในการขายและบริการ การที่มีคนสนใจทำธุรกิจร้านกาแฟมากขึ้น ก็เท่ากับว่าคุณมีคู่แข่งจำนวนมากขึ้นด้วย ดังนั้นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับร้านของคุณได้ คือ งานบริการและเทคนิคการนำเสนอสินค้า การคิดโปรโมชั่น หรือแต้มสะสมส่วนลดต่าง ๆ ให้ลูกค้าประทับใจ อาจต้องเรียนรู้จากการไปศึกษาดูงานหรือทดลองเป็นลูกจ้างในร้านที่มีชื่อเสียงก่อน เพื่อนำเทคนิคต่าง ๆ มาปรับใช้กับร้านตัวเอง

– มีแผนธุรกิจที่ดี การลงทุนทำร้านกาแฟ เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น หากขายในย่านที่มีคู่แข่งสูง จึงต้องวางแผนธุรกิจให้รัดกุม ควบคุมค่าใช้จ่าย มีแหล่งเงินทุนสำรองสำหรับช่วงสร้างลูกค้าและเผื่อสำหรับช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ มีการคัดเลือกทีมงานหรือลูกน้องทุกคนที่มีคุณภาพ ซื่อสัตย์และรักงานบริการ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่มีปัญหาสะดุดในระยะยาว

จะเห็นได้ว่า การทำธุรกิจร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จได้จะต้องอาศัยองค์ประกอบหลายด้าน การใส่ใจรายละเอียดและวิเคราะห์แก้ไขปัญหาไม่หยุดนิ่ง จึงจะช่วยให้ธุรกิจนี้สร้างชื่อเสียงและเป็นที่มาของรายได้ที่ดีได้อย่างแน่นอน

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านที่สนใจทำธุรกิจร้านกาแฟ ได้มองเห็นภาพรวมและวางแผนเพื่อการทำธุรกิจร้านกาแฟได้อย่างรัดกุมยิ่งขึ้นต่อไป

เปิดร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จ

อาหารเช้าที่เหมาะกับคนไม่อยากอ้วน

อาหารเช้าที่เหมาะกับคนไม่อยากอ้วน

อาหารมื้อเช้าถือว่าเป็นมื้อแรกที่สำคัญที่สุดของวัน หลังจากที่ร่างกายคนเราได้นอนหลับพักผ่อนมา 8 ชั่วโมง โดยถูกใช้พลังงานไปกับการซ่อมแซมเซลล์ร่างกายช่วงนอนหลับ ซึ่งมีการวิจัยที่พบว่าการเลือกบริโภคอาหารที่เหมาะสมในมื้อเช้าดีต่อสุขภาพในระยะยาว และยังป้องกันปัญหาโรคอ้วนได้ด้วย จะมีอาหารอะไรบ้าง ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ มาดูกันเลย

อาหารอะไรบ้าง ที่กินแล้วไม่อ้วน

1. มีเส้นใย 1 ใน 3 ส่วน

มื้อเช้าของคนส่วนใหญ่ หากรับประทานเพียงแค่เนื้อสัตว์เช่น หมูปิ้ง ไก่ย่าง กับข้าวหรือข้าวเหนียว จะทำให้ไม่ได้รับไฟเบอร์หรือธัญพืชจากอาหาร ที่จะช่วยให้กระเพาะอิ่มได้นานจนถึงมื้อเที่ยง ทำให้เสี่ยงต่อการอยากกินอาหารจุกจิกเพิ่มระหว่างวัน ดังนั้น ควรเพิ่มให้มีไฟเบอร์จากผักสลัดหรือผลไม้ เช่น ส้ม ชมพู่ ฝรั่ง ข้าวโพด ฯลฯ ให้เป็น 1 ใน 3 ส่วนของมื้อเช้า หรือเลือกข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต แทนข้าวขาวหรือขนมปังสีขาวปกติ จะทำให้ห่างไกลปัญหาโรคอ้วนได้

2. เพิ่มเมนูไข่หรือโปรตีนไขมันต่ำ

การรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์หรือไข่ไก่ในมื้อเช้าช่วง 7-9 น. จะทำให้ร่างกายเริ่มกระบวนการย่อยและดูดซึมสารอาหารได้สมบูรณ์ ทำให้ระบบฮอร์โมนมีการหลั่งอย่างสมดุล ช่วยให้อารมณ์ดี สมองปลอดโปร่งและทำให้ลดอาการอยากกินของหวาน ที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วนได้ดีขึ้น ทั้งนี้หากมีโรคประจำตัวเช่น ไขมันในเลือดสูง ควรเลือกบริโภคไข่ขาวและเนื้อสัตว์ที่ไขมันน้อย เช่น ปลาทะเล เนื้อส่วนอกไก่ หรือเนื้อหมูสันใน แทนการรับประทานไส้กรอก หมูแฮม หรือเนื้อสัตว์ติดมันอื่น ๆ

3. แคลอรี่เหมาะสม

หลายคนเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า มื้อเช้าให้กินอย่างราชา ก็ถือว่ามีส่วนถูก แต่ขอเสริมเพิ่มเติมว่า ควรกำหนดให้มีค่าแคลอรี่หรือพลังงานจากอาหารในเกณฑ์ที่เหมาะสม คือ 350-400 แคลอรี่ด้วย เพื่อให้ระบบการย่อยและเผาผลาญอาหารทำงานได้อย่างมีสมดุล โดยเมนูอาหารที่แนะนำให้เป็นมื้อเช้า เช่น ข้าวมันไก่หรือข้าวขาหมูไม่ติดหนัง เกาเหลาเลือดหมูและลูกชิ้นพร้อมข้าวซ้อมมือ ก๋วยจั๊บไม่ใส่เครื่องใน ราดหน้าพิเศษผักคะน้า เป็นต้น

4. เจลหรืออาหารให้พลังงานนักกีฬา

สำหรับคนที่ตื่นมาออกกำลังกายช่วงเช้ามืดก่อนไปทำงาน 1-2 ชั่วโมง อาหารมื้อแรกมักเป็นเจลให้พลังงานสูง หรือธัญพืชแท่งสูตรคำนวณพลังงานสำหรับนักกีฬา ซึ่งดีต่อสุขภาพคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งนี้ ควรเสริมผลไม้สด เช่น กล้วยหอม ส้ม ฝรั่ง เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดเกลือแร่ที่สำคัญ อย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม มีส่วนช่วยป้องกันตะคริวได้

การรับประทานอาหารมื้อเช้าสำคัญต่อร่างกาย หากต้องการสุขภาพแข็งแรงและไร้ปัญหาโรคอ้วนตามมา ต้องปฏิบัติตามหลักโภชนาการที่ดีและควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย

อาหารอะไรบ้าง ที่กินแล้วไม่อ้วน

วิธีเพิ่มความสนุกและแรงจูงใจในการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้มีรูปร่างที่ดีขึ้นและยังทำให้ห่างไกลจากโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูงได้ ในบทความนี้ เราได้รวบรวมวิธีเพิ่มความสนุกและเสริมแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากขึ้น มาฝากกัน ดังนี้

1. มีเป้าหมายที่ชัดเจน

หากคุณต้องการที่จะลดน้ำหนักเพื่อให้ใส่ชุดเดรสสวย ๆ สำหรับไปงานแต่งงานเพื่อน นั่นก็เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีเป้าหมายในการออกกำลังกายได้แล้ว ขอให้นำชุดนั้นมาแขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเป็นประจำ เพื่อมีเป้าหมายที่จะลดน้ำหนักให้ได้เดือนละ 1-2 กิโลกรัม จะได้ใส่ชุดนั้นให้ได้อย่างสวยงามที่สุด

2. หาเพื่อนออกกำลังกายด้วยกัน

ไม่ว่าคุณจะมีเพื่อนที่ต้องการลดน้ำหนักอยู่แล้วหรือมีคนรักที่ยินดีจะออกกำลังกายเป็นเพื่อนคุณ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้คุณออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่องและรู้สึกเพลิดเพลินยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะออกกำลังกายในยิมหรือในสวนสาธารณะ จะวิ่งหรือปั่นจักรยาน ก็จะทำให้มีสถิติที่ดีขึ้นได้เรื่อย ๆ เลยทีเดียว

3. กำหนดวันเวลาออกกำลังกายที่ชัดเจน

เริ่มจากการวางแผนกำหนดวันและเวลาในการออกกำลังกายเป็นประจำ อาจใช้แอปพลิเคชันออกกำลังกายที่ทำหน้าที่เป็นเลขาฯ คอยเตือนคุณก็ได้ แนะนำว่าควรเลือกออกกำลังกายช่วงเช้าตีห้าถึงเจ็ดโมง หรือตอนเย็นช่วงห้าโมงถึงหนึ่งทุ่ม จะทำให้คุณมีความกระปรี้กระเปร่าจากการปรับสมดุลของร่างกายมากที่สุด

4. การเลือกเสื้อผ้าสีสดใส

หากคุณสังเกตจะเห็นได้ว่าเสื้อผ้าออกกำลังกายรวมถึงรองเท้ากีฬาส่วนใหญ่ จะมีสีฉูดฉาดเช่น เหลืองเขียวแดงแบบสะท้อนแสง ซึ่งเป็นหลักทางจิตวิทยาที่ช่วยให้คนเรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าในระหว่างการออกกำลังกายเพิ่มพลังให้ออกกำลังกายได้นานยิ่งขึ้น แนะนำว่าคุณควรจะเลือกสีแดงหรือสีส้มเป็นหลัก หรือเลือกสีที่คุณชอบเป็นพิเศษ เพื่อทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบมาสวมใส่ออกกำลังกายบ่อย ๆ แถมถ่ายรูปใน IG เพื่ออวดคนอื่นได้สวยสะดุดตาด้วย

5. การใช้เพลงหรือเปิดคลิปสนุก ๆ

ระหว่างการออกกำลังกายเช่น ปั่นจักรยาน วิ่งระยะทางไกล แนะนำให้ใช้เพลงในมือถือหรือเปิด YouTube สนุก ๆ ฟังควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย จะทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ เวลาจะผ่านไป 1 – 2 ชั่วโมง โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย

จะเห็นได้ว่า เทคนิคเพิ่มความสนุกและทำให้คุณมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายมีอยู่หลายแบบ เราหวังว่าบทความนี้จะมีเทคนิคที่คุณชื่นชอบ เพื่อนำไปปรับใช้ให้ออกกำลังกายเป็นประจำ เสริมสุขภาพดีและห่างไกลโรคได้มากขึ้น

รวบรวมวิธีเพิ่มความสนุกและเสริมแรงจูงใจ

หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ ถ้าอยากมีเงินเหลือ

พฤติกรรมใดที่ต้องหลีกเลี่ยง หากอยากมีเงินเก็บมากขึ้น

ใคร ๆ ก็อยากมีเงินในกระเป๋าเต็มตลอดทั้งเดือน แต่หลายคนมีปัญหาว่าเมื่อเงินเดือนเข้าแล้วก็ใช้หมดในไม่กี่วัน ทำอย่างไรถึงจะมีเงินเหลือเก็บได้ตลอดทั้งเดือน ไม่ต้องเสี่ยงต่อการกู้หนี้ยืมสิน และยังมีเงินออมเพื่ออนาคตได้ด้วย

เรามาดูกันว่าพฤติกรรมใดที่ต้องหลีกเลี่ยง หากอยากมีเงินเก็บมากขึ้น ดังนี้

1. ใช้เงินทุกครั้งที่มีเงินเข้าบัญชี

เมื่อมี Message ยืนยันว่ามีเงินเข้าบัญชี หลายคนจะดีใจและรีบไปถอนมาใช้จ่ายที่ต้องการ ซึ่งหลายร้านค้าจำนวนไม่น้อยจะใช้ช่วงเวลาทองต้นเดือนที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ทำให้หลายคนอดใจไม่อยู่ ใช้เงินที่เพิ่งได้มาจากการทำงานทั้งเดือนหมดไปในเวลาไม่กี่วัน

2. ซื้อความสุขในปัจจุบันมากกว่าใส่ใจเงินในอนาคต

การที่ไม่มีใครเห็นได้ว่าอนาคตจะเราจะมีฐานะอย่างไร คนส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับการมีความสุขในปัจจุบัน ซื้อของกินของใช้ตามต้องการ แต่ผู้ที่มีวินัยในตัวเองและมีเป้าหมายว่าต้องการมีเงินเก็บในวัยเกษียณที่ไม่มีแรงทำงานแล้ว จะไม่ประมาท จึงมักเป็นกลุ่มคนที่มีเงินเก็บเหลือมากกว่าคนอื่น

3. ไม่ศึกษาเรื่องการออมและลงทุน

การทำงานในระบบออฟฟิศหรือเป็นลูกจ้าง มักจะได้รับเงินเดือนแน่นอนเป็นงวด ซึ่งทำให้หลงลืมการศึกษาด้านการออมและลงทุน ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าของเงินที่ได้รับแต่ละเดือน คุณอาจไม่รู้ว่าเราสามารถเพิ่มมูลค่าเงินจากการไปซื้อหุ้นหรือกองทุนทองคำหรือลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ที่ความเสี่ยงต่ำกว่า หากศึกษาแล้วจะมีแรงจูงใจที่จะเก็บเงินมากขึ้น

4. การขี้เกียจทำบันทึกรายรับรายจ่าย

ความขี้เกียจเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดวินัย โดยเฉพาะหากไม่มีบัญชีรายรับรายจ่ายก็จะไม่สามารถทราบได้เลยว่าแต่ละวันคุณใช้จ่ายเงินไปกับอะไรบ้าง เช่น อาหาร ปาร์ตี้ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าธรรมเนียมทางด่วน เป็นต้น จะทำให้ไม่มีโอกาสอุดช่องโหว่ของการใช้จ่ายได้จริง ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในวงจรของการใช้เงินแบบเดิม ๆ เช่นนี้เรื่อยไป

5. ใช้จ่ายก่อนปลดหนี้

หลายคนมีหนี้สินรุงรัง เพราะนิยมรูดบัตรเครดิต โดยไม่เก็บเงินสำรองไว้ และเมื่อมีรายได้เข้ามาก็นำไปใช้จ่ายรายการใหม่ ๆ จนไม่มีเงินพอมาชำระหนี้บัตรเครดิตได้หมด ทำให้เกิดการคิดดอกเบี้ยค้างชำระ ที่ทำให้หนี้ก้อนโตขึ้น เป็นภาระให้กับตัวเอง เกิดความเครียดและทำให้หลายคนต้องไปกู้หนี้นอกระบบเพื่อมาชำระหนี้อีก จึงไม่สามารถหลุดพ้นวงจรหนี้ได้จริง

จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่คุณต้องหยุด หากต้องการมีเงินเก็บเหลือมากขึ้น ที่สำคัญต้องวางแผนการเงินเพื่อการลงทุนเพิ่มมูลค่าของรายได้ในอนาคตให้มากขึ้น เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนได้ดียิ่งขึ้นด้วย

หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ ถ้าอยากมีเงินเหลือ

การรักษาสมดุลชีวิตสำคัญอย่างไร

ในแต่ละวัน คนเรามีบทบาทหน้าที่ที่ต้องทำอยู่หลากหลายด้าน ซึ่งจำเป็นจะต้องแบ่งเวลาในการรับผิดชอบอย่างเหมาะสม จึงจะทำให้ชีวิตมีสมดุลที่ดี ทั้งในด้านการงาน การเงิน ครอบครัว รวมถึง ยังทำให้มีเวลาสำหรับตัวเองในการผ่อนคลายและทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ เพื่อเสริมสร้างความสุขในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

การรักษาสมดุลที่ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำไว้ให้ทุกคนใส่ใจที่จะแบ่งเวลาและให้ความสำคัญอย่างเหมาะสม ได้แก่

1. ด้านการงาน

การทำงานที่รัก เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เพิ่มพูนทักษะความสามารถของตนเองและมีความภาคภูมิใจในตนเองอยู่เสมอ ผู้ที่มีความสุขกับการทำงานอย่างแท้จริง มักเกิดจากการได้ทำงานที่ชื่นชอบและมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม และหากเป็นงานที่มีผลดีต่อสังคม เช่น ช่วยในการลดโลกร้อน ลดขยะพลาสติก ฯลฯ ก็จะยิ่งทำให้มีพลังบวกในการทำงานที่ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

2. ด้านสุขภาพ

สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะทำให้การขับเคลื่อนงานหรือการประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นไปได้อย่างราบรื่น การใส่ใจสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายมีการหลั่งสารฮอร์โมนแห่งความสุข ที่จะช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างปกติ จึงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตในระยะยาว

3. ด้านการเงิน

เมื่อได้รับเงินเป็นค่าตอบแทนจากการทำงาน ควรรู้วิธีในการบริหารจัดการเงินที่เหมาะสม โดยยึดหลักเก็บออมก่อนใช้จ่าย ที่สำคัญคือ ไม่ควรใช้จ่ายเกินตัว และหากต้องการสร้างความร่ำรวยด้วยการลงทุน ก็ต้องศึกษาประเภทการลงทุนที่เหมาะสมและมีความเสี่ยงในระดับที่รับได้ เพื่อป้องกันปัญหาการขาดทุนหรือสภาพคล่องติดลบ ทำให้เกิดการกู้หนี้ยืมสิน จนไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายได้หมด

4. ด้านความสัมพันธ์

คนเราต้องมีครอบครัว พ่อแม่ บุตรหลาน รวมถึงเพื่อนฝูง ที่ต้องหมั่นดูแลซึ่งกันและกัน มีการสอบถามสารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ ผู้ที่ให้ความสำคัญในเรื่องงานมากเกินไปจนละเลยการดูแลสมาชิกในครอบครัว จะทำให้เกิดภาวะตึงเครียดและทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเปราะบาง เกิดความขัดแย้งและไม่ลงรอยกันได้ง่าย จึงทำให้ความสุขในชีวิตขาดหายไป

จะเห็นได้ว่า การรักษาสมดุลในชีวิตทั้ง 4 ด้านที่กล่าวมา เป็นองค์ประกอบสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน หากมีการละเลยหรือทุ่มเทกับด้านใดมากกว่าปกติ ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาในระยะยาว หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านได้สำรวจตัวเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อปรับสมดุลในชีวิตประจำวันให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

การรักษาสมดุลชีวิตสำคัญอย่างไร

อาชีพเสริม 2019 ที่คุณทำคู่กับงานประจำได้ อยากรวยเร็วต้องอ่าน

อาชีพเสริม 2019 ที่คุณทำคู่กับงานประจำได้ อยากรวยเร็วต้องอ่าน

สำหรับผู้ที่ทำงานประจำอยู่แล้ว แต่อยากสร้างช่องทางรวยมากขึ้นในปี 2019 การหาอาชีพเสริมทำเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เราขอแนะนำให้คุณอ่านบทความนี้จนจบ เพราะเราได้รวบรวมงานที่มีคนแนะนำและบอกต่อไว้เพื่อให้เห็นแนวทางทำอาชีพเสริม สร้างความร่ำรวยได้จริงในปี 2019

1. ขายอาหารปิ้งย่างร้อน ๆ

อาหารเป็นสินค้าที่ซื้อขายง่ายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอาหารแนวปิ้งย่างใหม่ ๆ ร้อน ๆ เช่น หมูปิ้ง ไก่ทอด ลูกชิ้นระเบิด ฯลฯ หากคุณถนัดในการทำอาหารอยู่แล้ว ก็สามารถคิดสูตรสำหรับหมักเนื้อสัตว์ ฯลฯ ให้มีความนุ่มและหวานอร่อยได้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันก็ต้องคิดสูตรน้ำจิ้ม (แนะนำว่าให้ลองชิมจากเจ้าอื่น ๆ ที่คนนิยม) เพื่อทำรสชาติให้เป็นเอกลักษณ์ จะทำให้ลูกค้าติดใจและสร้างรายได้หลักหมื่นหลักแสนบาทต่อเดือนทีเดียว

2. ขายของใช้ที่ตลาดนัด

ปัจจุบันคนไม่ต้องการที่จะซื้อสิ่งของที่มีราคาแพงและยังต้องการความเป็นกันเองใกล้ชิดกับผู้ขาย ทั้งสามารถทดลองสินค้าได้หรือสอบถามข้อมูลได้ด้วย หากคุณชอบการพูดคุยและบริการลูกค้า ก็สามารถที่จะหาสินค้าที่น่าสนใจมาขายที่ตลาดนัดใกล้บ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น รองเท้า ตุ้มหู ฯลฯ โดยเช่าพื้นที่ตลาดนัดในช่วงเวลาเย็นหรือวันเสาร์อาทิตย์ เน้นขายไม่แพง บริการเป็นที่ประทับใจลูกค้า ย่อมมีลูกค้าประจำติดใจและชักชวนบอกกันต่อให้มาซื้อ สร้างรายได้ให้คุณเป็นกอบเป็นกำแน่นอน

3. ขายสินค้าออนไลน์

ปัจจุบันมีบริษัทที่รับตัวแทนจำหน่ายสินค้าบนอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เสื้อผ้าเด็ก ของใช้ในบ้าน ฯลฯ แม้คุณมีเงินลงทุนเพียงเล็กน้อยก็สามารถที่จะสมัครและทดลองใช้สินค้า กลายเป็นตัวแทนขายสินค้าออนไลน์ได้ทันที ซึ่งคุณสามารถประชาสัมพันธ์ผ่าน Facebook หรือ กลุ่มไลน์ที่คุณเป็นสมาชิกอยู่แล้วได้เลย

4. ตัวแทนประกัน

ปัจจุบันผู้คนมีความเสี่ยงตลอดเวลา ทั้งจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุต่าง ๆ ซึ่งมักจะมีค่ารักษาพยาบาลที่สูง หากต้องมีการนอนโรงพยาบาล ก็ต้องขาดรายได้และมีค่าใช้จ่ายเป็นหลักพันหลักหมื่นเลยทีเดียว การทำประกันจึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งมีผู้ที่ต้องการทำประกันเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ยังขาดตัวแทนที่รับผิดชอบและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง หากคุณเป็นคนสนใจงานการประกันภัยอยู่แล้ว ก็สามารถทำเป็นอาชีพเสริมคู่กับงานประจำได้อย่างแน่นอน

จะเห็นได้ว่า อาชีพเสริมที่สามารถทำได้ในปี 2562 มีหลากหลาย ขอเพียงคุณรู้ความถนัดของตัวเองและทำอย่างตั้งใจก็จะทำให้ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้สม่ำเสมอเสริมกับงานประจำ ทำให้มีฐานะที่ดี ร่ำรวยขึ้นได้อย่างแน่นอน

ตัวแทนประกัน