คน 6 ประเภทที่ควรหนีให้ไกล

คน 6 ประเภทที่ควรหนีให้ไกล

เราสามารถกำหนดสิ่งแวดล้อมเชิงบวกให้กับตัวเราได้ด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้คนที่ยัดเยียดมลพิษทางความคิดและอารมณ์ให้กับเรา คน 6 ประเภทที่เราควรหลีกเลี่ยงมีใครบ้าง

มองโลกแง่ลบ คนมองลบจะเห็นปัญหาเป็นความมืดดำและมักเพ่งโทษคนอื่น ส่วนคนมองบวกจะเพ่งหาแสงสว่างด้วยความเชื่อว่าจะมีทางออก คนหนึ่งปิดโอกาสอีกคนหาโอกาส คนคิดลบจะมองเรื่องรอบตัวแย่ไปหมด ชีวิตขาดสีสัน ไม่สนุกกับการเรียนรู้เรื่องท้าทายใหม่ ๆ ขาดความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนช่างเครียด หงุดหงิดง่าย ช่างวิพากษ์วิจารณ์ อาจมีเพื่อนน้อย เป็นคนไม่น่าคบ อยู่ด้วยนาน ๆ จะถูกดูดพลังออกไปโดยไม่รู้ตัว

คนเห็นแก่ตัว คนประเภทนี้จะมองเห็นประโยชน์ตนมากกว่าประโยชน์ท่าน เอาเปรียบคนอื่น ไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่ได้มานั้นจะนำความเดือดร้อนมาให้ใครหรือไม่ ไม่มีความคิดเกื้อกูล ขาดความเมตตา ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเปลืองใจเปลืองตัว

คนขี้โกหก เลิกคบทันทีเพราะเราจะไม่มีทางพบความจริงจากคนเหล่านี้ เขาพร้อมทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองรอด รุ่งเรือง มุ่งหาประโยชน์เข้าตัวด้วยเรื่องราวที่สร้างขึ้น นำความเดือดร้อนสู่สังคมวงกว้างได้ง่าย

คนขี้นินทาว่าร้าย เจอหน้าใครก็ชวนเม้าท์ มองเรื่องคนอื่นเท่าภูเขาเรื่องของเราเท่าเส้นผม เป็นฤาษีแปลงสาสน์ แต่งเติมเสริมเรื่องให้บานปลาย เป็นชนวนทำให้เกิดความบาดหมาง แตกแยก ทำลายความสัมพันธ์อันดี รวมตัวกับคนประเภทนี้จะเสียภาพพจน์และถูกเหมารวมว่าเป็นคนประเภทนั้นไปด้วย ผู้คนจะรักษาระยะห่าง ขาดความไว้วางใจ และระวังที่จะเข้าใกล้ จนถูกกันออกจากสังคมในที่สุด

คนขี้วีนโวยวาย พื้นฐานคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่เลี้ยงดูแบบตามใจ ขาดการเอาใจใส่ดูแล ใช้เงินแก้ปัญหา ทำให้ติดนิสัยเอาแต่ใจ ไม่ใส่ใจคนอื่น จะเอาอะไรต้องได้ ไม่ชอบให้ขัดใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เป็นนักสร้างมลพิษทางอารมณ์ ไปไหนก็วงแตก ยิ่งเข้าใกล้อารมณ์ยิ่งขุ่นมัว

คนขี้บ่น แม้จะประสงค์ดี แต่ถ้าบ่นบ่อยจิตจะตก เสียบรรยากาศ สร้างความรำคาญหงุดหงิดใจมาให้คนรอบข้าง โดยเฉพาะคนที่ดีแต่บ่นแต่ไม่ทำ

ภูมิต้านทานในการอยู่ร่วมกันในสังคมของคนเราไม่เท่ากัน หากเราภูมิต้านทานต่ำ(หัวอ่อน)แล้วเข้าใกล้กับคน 6 ประเภทข้างต้นก็มีโอกาสมากที่จะลากชีวิตเราลงสู่ที่ต่ำ จงเลือกคบคน รู้จักเข้าสังคม ถ้าพบคนที่เป็นมลพิษต้องคิดหาทางเลี่ยง อย่าให้เขาเหล่านั้นมามีอิทธิพลเหนือชีวิตเราได้